[divider]
ท่ามกลางฝูงชน คนสู้ชีวิต วิถีของเด็กบ้านนอก
คนหนึ่ง จุดมุ่งหมายมองการไกลว่าสักวันหนึ่ง
เราต้องเป็น “โปรแกรมเมอร์” ให้ได้…ทั้งๆ ที่ไม่เคย
มีโอกาสได้สัมผัสคอมพิวเตอร์เลย ณ เวลานั้น
สวรรค์บันดาล ฟ้าลิขิต พลิกชีวิตจากสามเณร
(บวชเรียน 4 ปี) จากนั้นได้ลาสิกขา มาเรียนต่อ ปวช.
เพื่อหวังจะได้จับคอมพิวเตอร์กับเขาสักที…แล้วโอกาส
นั้นก็มาถึง เมื่อเข้าเรียนปีที่ 1 ได้เล่นคอมพิวเตอร์
อย่างปลื้มจิต ปลื้มใจ เด็กชายตัวน้อยๆ คนหนึ่ง
เริ่มมองเห็นหนทางของตนเองอย่างเลือนลางขึ้น
ระยะเวลาเพียง 1 ปี จากเด็กน้อยที่ไม่เคยจับคอมฯ
เลย ก็สามารถเป็นนักปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ได้
อย่างไม่น่าเชื่อ…นั่นคือ ซ่อมคอมฯ ติดตั้งแอพฯ
ติดตั้ง OS ดูแลเครื่องพิมพ์ ประกอบคอมฯ และ
แก้ปัญหาอาการต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับคอมพิวเตอร์ได้
ความสามารถมากจากการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม
ยิ่งทำยิ่งพบกับปัญหามากมาย เราก็ต้องยิ่งค้นคว้า
หาวิธีแก้ไขอยู่สม่ำเสมอ ซึ่งแน่นอนว่า ปัญหาทุกข้อ
มีคำตอบ และไม่มีวันสลายไปจากเรา
หนทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาทำให้เราพัฒนาตนเอง ขึ้นมาได้ในระดับหนึ่ง แม้จะไม่มากแต่ก็พอที่จะต่อยอดความคิดของตนเองได้ ไม่ต่างไปจากความคิดเดิมมากนัก ความฝันอันสูงที่แทบจะหาความเป็นไปไม่ได้เริ่มปรากฏขึ้นมาทีละนิด โอกาสครั้งสำคัญหลังจากพิสูจน์ตัวเองเป็นที่เรียบร้อยแล้วในด้านปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ ทำทุกอย่างจนชิน
พลิกฝ่ามือจากจับแผงวงจร และอุปกรณ์ทั้งหลาย มาสัมผัส ทดลองกับโปรแกรมที่ไม่สามารถสัมผัสด้วยมือเปล่าได้ ใช้เพียงแค่ความชำนาญและประสบการณ์เท่านั้น
เริ่มจากโปรแกรมฝึกพิมพ์สัมผัส…ด้วยความที่อยู่กับคอมพิวเตอร์มามากแล้ว ผนวกกับเราเห็นครูที่สอนพิมพ์งานอย่างรวดเร็ว สัมผัสคีย์บอร์ดอย่างนุ่มนวล สายตามองหน้าจอคอมฯ ส่วนมือก็มีหน้าที่สัมผัสปุ่มคีย์บอร์ดอย่างแม่นยำและรวดเร็ว…เมื่อเห็นเช่นนี้ ผมจึงได้ฝึกพิมพ์สัมผัสจนคล่อง โดยได้แรงบันดาลใจการพิมพ์มากจากคุณครูนั่นเอง
คุณสมบัติของโปรแกรมเมอร์คือพิมพ์คำสั่งได้อย่างรวดเร็ว และแม่นยำ มือต้องสัมผัสคีย์บอร์ดให้ทันสมองที่จะต้องสั่งงาน หากมือทำงานไม่ทันสมอง กระบวนการทำงานอาจจะผิดพลาดได้…นั่นคือเราทำสำเร็จแล้ว
ไม่นานนักได้มีโอกาสเรียนรู้โปรแกรมกราฟิกตกแต่งรูปภาพชื่อดังที่มืออาชีพต้องใช้นั่นคือโปรแกรม Photoshop จุดเริ่มต้นของงานออกแบบ เชื่อว่านักออกแบบหรือมือใหม่ทุกคนจะต้องประสบกับปัญหาอย่างมากมาย และสับสนกับเครื่องมือที่มีให้เลือกใช้งานอย่างมากมายหลายชนิด เปิดโปรแกรมขึ้นมาแล้วไปไม่ถูก ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนก่อนเลยทีเดียว
ที่พึ่งสำหรับสมัยนั้นก็คือหนังสือการใช้งานโปรแกรม Photoshop เล่มหนาๆ ภาพขาวดำ อธิบายการใช้งานโปรแกรมได้ซับซ้อน ลึกลับ ทำตามแล้วยังงง แต่ก็สามารถผ่านพื้นวิกฤติการงงไปได้ด้วยความพยายามทำตามหลายๆ รอบ ท้ายที่สุดก็สำเร็จกับเครื่องมือหลายๆ ประเภท
สิ่งต่อมาที่ฝึกเกลาจิตใจ สมาธิ ปัญญา นั่นก็คือ ฝึกทำงานตากเวิร์คชอป (Workshop) นี่เลยไฮไลท์ของหนังสือเล่มนี้ เชื่อว่าถ้าทุกท่านทำตามเวิร์คชอปได้หมดทุกชิ้นงาน ก็จะสามารถเรียนรู้เครื่องมือที่จะนำมาประยุกต์ใช้กับงานออกแบบที่ต้องสร้างขึ้นมาใหม่ตามโจทย์ได้อย่างแน่นอน
เวิร์คชอปจากเรื่องจริง
โอกาสที่จะเปิดไอเดียเรามาแล้วนั่นคืองานเลือกตั้งหาเสียงนายกเทศมนตรี สิ่งที่ต้องทำคือ ออกแบบบัตรหาเสียง อัดเสียงสปอต สแกนภาพถ่ายแล้วตัดต่อ เหล่านี้ไม่ง่ายเลยสำหรับมือใหม่อย่างผม แต่ก็สามารถทำให้ผ่านพ้นสำเร็จลงไปได้อย่างไม่น่าเชื่อฝีมือตนเอง หลังจากนั้นก็ได้ฝึกใช้โปรแกรมออกแบบตลอดเป็นระยะเวลามากกว่า 3 ปี
เข้าสู่วงการออกแบบ
เด็กคนหนึ่งที่เรียนจบ ปวช.คอมพิวเตอร์ธุรกิจ สามารถพลิกบทบาทการใช้งานโปรแกรมคอมพิวเตอร์ในด้านงานออกแบบและผลิตสื่อสิ่งพิมพ์ได้ เดินทางออกจากบ้านมาด้วยกระเป๋าเสื้อผ้า 1 ใบ โน๊ตบุ๊ค 1 เครื่อง พร้อมเงินสดจำนวน 2,000 บาทติดตัว จาก อ.ทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัย มุ่งหน้าสู่จังหวัดตาก เพื่อหางานทำในตำแหน่งกราฟิกดีไซน์
เข้าสู่โลกของวงการ “ออกแบบ”
ไม่น่าเชื่อว่าเด็กคนหนึ่งสามารถสมัครงานในที่แรกได้สำเร็จ และได้รับเข้าทำงานทันที ไม่ใช่ว่ามีฝีมือดีอะไร แต่นั่นคือความ “เมตตา” ของบริษัทแห่งนี้ ที่รับเข้าไว้ทำงาน โดยผมมีเงื่อนไขคือ ขอทำงานวันจันทร์-ศุกร์ และเสาร์-อาทิตย์ ขออนุญาตไปเรียนต่อในระดับอุดมศึกษา และระดับปริญญาตรี
โดยรวมแล้วผมใช้เวลาในการทำงานพร้อมกันในบริษัท + เรียนต่อ เป็นเวลา 3 ปี เศษ ระหว่างที่ทำงานประจำอยู่นั้น ก็มีงานพิเศษซึ่งใช้เวลาทำหลังเลิกงาน นั่นก็คือเป็น ฟรีแลนซ์ รับจ้างออกแบบให้กับ ร้านป้าย และโรงพิมพ์ หลายแห่งทั่วประเทศ มีเวลาทำงานและคุยงานและทำงานกับลูกค้าคือเวลา พักเที่ยง และเวลา 1 ทุ่ม ถึงเที่ยงคืน ถือว่าเป็นรายได้เสริมที่ดี ทำให้มีชีวิตรอดตลอดเดือนโดยไม่ต้องเบิกเงินเดือนล่วงหน้า
ทำแบบนี้อย่างต่อเนื่อง สรุปคือ…เงินที่ได้จากการเป็นฟรีแลนซ์ ได้มากกว่า เงินเดือน… แล้วเราจะอยู่เพื่อ…..???
ใช้เวลาเรียนภาคพิเศษ (เสาร์-อาทิตย์)
วิทยาลัยชุมชนตาก 2 ปีครึ่ง
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนาตาก 3 ปี
เข้าสู่โหมด “ฟรีแลนซ์”
ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณลูกค้าผู้น่ารักที่ให้ความไว้วางใจในผลงานออกแบบในสไตล์ของผม ในราคาที่เราตกลงกันได้ และป้อนงานให้กันตลอด ทำให้มีรายได้พอค่าใช้จ่ายประจำวัน โดยที่ไม่ต้องไปตอกบัตรเข้างานแปดโมงเช้า เลิกงานหกโมงเย็นอีกต่อไป
ก็ยังทำฟรีแลนซ์ไปอีก 1 ปี + เรียนระดับปริญญาตรี ปีที่ 3 จนจบหลักสูตรเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ตาก
กว่าจะเป็น “ณัฐดีไซน์ แอนด์ มีเดีย”
กริ้งงงงง….. เห้ยซี่ (ชื่อเก่า) ปัจจุบันชื่อ “ณัฐ” เสียงโทรศัพท์ดังลั่นหลังจากไปเปลี่ยนชื่อเป็นชื่อณัฐมาได้เพียง 3 ชั่วโมง
“เองอยู่ไหนวะ ไปหาที่บริษัทก็ไม่เจอ ถามใครก็ไม่รู้ว่าไปไหน โทรหาเป็นเดือนละก็โทรไม่ติด”
….ครับพี่ มีไรครับ
มีงานด่วน จะเอามั้ย…. “เอาสิครับ”
ได้ทำงานแรกมีมูลค่า 30,000 บาท แต่มีข้อแม้ว่า ต้องไปจดทะเบียนพาณิชย์ มีชื่อร้าน มีที่อยู่ ด้วยความไม่รู้จึงขับรถไปจดทะเบียนพาณิชย์ที่บ้านเกิด คือ อ.ทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัย ระยะทางประมาณ 105 กิโลเมตร ณ เวลานั้นมีเงินในบัญชีเหลือเพียงแค่ 2000 บาท เติมน้ำมันรถ 700 บาท จดทะเบียนพาณิชย์ 50 บาท ค่าภาษีป้าย 200 บาท
งานชิ้นแรกของณัฐดีไซน์
ก็คือสมุดบันทึกมูลค่า 3 หมื่นบาทนี่แหละครับ ทำแบบเสร็จส่งให้โรงพิมพ์ผลิต จากนั้นส่งของ แล้วรอทำเรื่องเบิก 40 กว่าวัน…ก้าวแรกก็เป็นหนี้โรงพิมพ์ซะแล้ว
งานที่สองถัดมาคือ “ตากเกมส์” ที่พอจะมีงบประมาณ และกำไร ให้เก็บเป็นก้อนเพื่อเปิดร้าน แต่รอเบิกอีก 2 เดือน….
ถัดจากงานที่สองนี่แหละ จุดกำเนิดและเปิดตัวของผม ที่ปรากฏตัวต่อสาธารณชน ทำให้ลูกค้า (ขอบบริษัทเก่า) ได้พบเห็น มาทักทายว่าหายไปไหน พี่อยากทำอันนี้ อยากได้อันนั้น ทำให้ได้ไหม คุยกันยาววววว และพูดเป็นเสียงเดียวกันหลายๆ คน คือ อยากให้ผมทำงานให้…
ทุกอย่างก้าวไปในจุดเล็กๆ ที่ทำเพียงคนเดียว ทุกกระบวนการ ทุกขั้นตอน ตั้งแต่ออกแบบ ส่งพิมพ์ พับขอบ ตอกตาไก่ ติดตั้ง สติ๊กเกอร์ติดรถ สติ๊กเกอร์รีดฟิว งานไดคัท รับของ ส่งของ ทำบิล ทวงหนี้ เก็บเงิน โอย…. สรุปว่า ทุกอย่างครับ ดำเนินการ “คนเดียว”
ในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ขนาด 4×3 เมตร โดยมีเครื่องมือทำมาหากินคือ โน๊ตบุ๊คอืดๆ 1 เครื่อง โต๊ะทำงานก็คือ กล่องลังวางซ้อนกัน เก้าอี้ไม่ต้องพูดถึง นั่งบนที่นอนทำงาน เพลียก็เอนร่างกายนอน ทำแบบนี้มาเป็นเวลา 1 ปี เต็มๆ
เย้…มีเงินเก็บสำหรับเปิดร้านแล้ว
จากมนุษย์กลางคืนที่ทำงานอยู่หน้าคอมฯ อย่างหนักหน่วง มีเงินเหลือในบัญชีเพียงพันกว่าบาท
ไม่น่าเชื่อ เช้าวันรุ่งขึ้น เงินเข้าในบัญชี 3 แสนกว่าบาท จะรออะไร รีบเคลียร์หนี้สินทั้งหมดที่เครดิตไว้ ทั้งร้านป้าย ทั้งโรงพิมพ์ และที่กู้ยืมมาใช้ทำงาน
สรุปวันนั้นเงินเหลือในบัญชี 1 แสนกว่าบาท นี่คือกำไรก้อนแรกที่งดงาม และหายเหนื่อยมาก ทำให้มีกำลังใจในการดำเนินงาน
เราจะอยู่แบบห้อง 4×3 นี้ไม่ได้แล้วหละ ในเมื่อเราต้องการลูกค้าเพิ่ม งานเพิ่ม เงินเพิ่ม… จะรออะไร
รีบขับรถรอบเมืองตากเพื่อหาตึกเช่าเปิดร้าน และก็ดูที่แรก และที่เดียว พร้อมความประทับใจ นั่นคือ “หน้าวัดไผ่ล้อม” มีสองห้อง เช่าก่อน 1 ห้อง พร้อมจ่ายค่ามัดจำ
กลับถึงห้องพักแล้วก็นั่งออกแบบห้องทำงานพร้อมสั่งไม้ MDF จาก กทม. มา เพื่อทำโต๊ะสำหรับนั่งทำงาน ไม่น่าเชื่อว่า ไม้ MDF หนา 25 มิล ที่สั่งมาจำนวน 6 แผ่น สามารถสร้างโต๊ะทำงานที่ออกแบบเองได้ถึง 3 ชิ้น (ทำคนเดียว ตั้งแต่ ยก วัด ตัด ประกอบ ย้าย) ซึ่งแต่ละตัว น้ำหนักเกิน 50 กิโล แต่ผมสามารถยกมันขึ้นรถและลงรถ คนเดียวได้
เปิดร้านอย่างเป็นทางการแล้ว….
1 แสนบาทที่เหลือ ซื้อของตกแต่งร้าน ปูพรม ติดแอร์ ซื้อโซฟา ทีวี หมดไปแล้ว 7 หมื่น…
ทั้งร้านมีคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค อืดๆ อยู่ 1 หนึ่งเครื่อง เครื่องปริ้นสีอิงค์เจ็ท A4 โต๊ะทำงาน แค่นี้จริงๆ ป้ายหน้าร้านก็ไม่มี ลูกค้าก็ไม่มี แต่งานยังมี นั่นคือ “ฟรีแลนซ์”
ผ่านไป 1 เดือน พอมีรายได้เข้ามาเป็นบางวัน พอค่าเช่า ค่าน้ำ ไฟ กิน อยู่
ผ่านไป 6 เดือน เริ่มมีเครื่องมือ และอุปกรณ์ในการทำงานที่พอใช้ประโยชน์ได้ โดยซื้อทีละชิ้น มีงานไหนจำเป็นต้องใช้เครื่องมือไหนก็ซื้อเพิ่ม “ไม่ได้ซื้อเครื่องมือมาทีเดียว” เนื่องจากมีงบประมาณจำกัด
ผ่านไป 7 เดือน ในที่สุดงานเริ่มเพิ่มขึ้น ทั้งงานออกแบบและผลิต และงานติดตั้ง… มีคนมาสมัครงานอยู่ 1 คน ที่รับเข้าทำงานเพราะสงสารเขาไม่มีงานทำ จึงให้มาอยู่ช่วยกัน มีงานบ้างเล็กน้อย เราก็อยู่ได้ เขาก็อยู่ได้ ในค่าแรงที่ไม่แพงนัก
ช่วงเวลา 1 ปีแรก มีชีวิตเป็นอยู่ค่อนข้างแทบไม่ได้หลับ ไม่ได้นอน ตอนเช้า ทำงานช่าง ผลิต+ติดตั้ง ส่งของ ส่งบิล ตอนกลางคืนปั่นงานออกแบบ บางครั้งเที่ยงคืนออกไปติดตั้งป้ายก็ยังมี นัดคุยงานกับลูกค้า ตีหนึ่งก็ยังไหว…
* เชื่อไหมว่าป้าย 18×3 เมตร พับขอบ + ติดตั้ง คนเดียว…
รู้ซึ้งถึงการเป็น “เจ้าของกิจการ”
ชีวิตเจ้าของกิจการไม่ได้เริศหรูตั้งแต่เริ่มต้นเหมือนในละคร ต้นทุนของผมคือ “เริ่มจากไม่มีอะไร” แม้กระทั่งเริ่มต้นโน๊ตบุ๊คที่ใช้ทำงานก็ยังไม่ใช่ของผมเลย (ยืมเขามา) จนกระทั่งมีเงินพอที่จะซื้อโน๊ตบุ๊คเป็นของตัวเองในราคา 24,000 บาท แล้วค่อยๆ เปลี่ยนอะไหล่ ให้แรงขึ้นทีละชิ้นๆ
ปาดเหงื่อพร้อมน้ำตาแห่งความภาคภูมิใจ พูดกับตัวเองว่า “เราต้องเหนื่อยขนาดนี้เชียวหรือ?” แขนเสื้อข้างขวา ดำและเปื้อนราวกับผ้าขี้ริ้ว เหงื่อเต็มแผ่นหลังจนถูสบู่ได้ ท้องที่ไม่ได้กินข้าวตั้งแต่เช้ายันเย็น มีก็เพียงแต่ “น้ำลูบท้อง” ก็เพราะว่า “เร่งงาน” ให้กับลูกค้า “เรารักเขา เขาก็รักเรา” แค่นั้นเอง..
งานด่วนทุกชิ้น แต่ก็ต้องทำทีละชิ้น ตั้งแต่ป้ายไวนิล สติ๊กเกอร์ ไปจนถึง โต๊ะ ตู้ไม้ ตู้โชว์แสดงสินค้า
งานเริ่มเยอะขึ้น เริ่มมีเงินเก็บเพิ่มขึ้น ก็เลยรับคนช่วยทำงานเพิ่มขึ้น อีก 1 คน รวมแล้วมีลูกน้องช่วยงาน 2 คน ก็เพียงพอ….
เครื่องพิมพ์เครื่องแรก
เข้าสู่ปีที่ 2 เก็บเงินดาวน์เครื่องพิมพ์ไวนิล เครื่องแรกของร้านฯ เนื่องจากมียอดจ้างเขาพิมพ์เดือนละแสนกว่าบาท ดังนั้น ถ้าเรามีเครื่องพิมพ์เอง ก็จะประหยัดต้นทุนไปมากกว่าครึ่งเลยทีเดียว
เพราะคิดเช่นนี้จึงขับรถไปดูเครื่องพิมพ์ที่ กทม. กันเลยทีเดียว และแล้วก็เจอเครื่องที่ตอบโจทย์ หน้ากว้าง 3.2 เมตร หัวพิมพ์ Dx-5 พิมพ์ละเอียดก็ได้ พิมพ์ผืนใหญ่ก็ได้ เอาก็เอา ด้วยความใจร้อน ตกลงซื้อ + มัดจำทันที
เดี๋ยวนะ…แล้วจะเอาเครื่องไปไว้ไหน? ในห้องทำงานไม่ได้แน่ๆ สีมันเหม็น…หลังร้านไม่ได้แน่ เพราะแดดร้อน ฝนตกอีก ฝุ่นเพียบอีก… เออนั่น…สรุป เช่าห้องข้างๆ อีก 1 ห้อง ไว้ลงเครื่องพิมพ์ 1 เครื่อง
ลงเครื่องพิมพ์แล้วงานเยอะไหม?
ลงเดือนแรกก็เกือบจะคืนทุนแล้วครับ โชคดีมีงานใหญ่ สามแสนกว่าบาท + งานเล็กๆ ย่อยๆ อีก รวมแล้วรายได้เดือนแรก สี่แสนกว่าบาท ซึ่งเป็นนิมิตหมายที่ดี ว่าเราจะมีกำไรเพิ่มขึ้นจากการซื้อเครื่องพิมพ์
เครื่องหัวพิมพ์ DX-5 ไหวมั้ย?
บอกเลยหัวพิมพ์ Dx-5 เจองานผมเข้าไป มีอายุไขเพียง 6 เดือน เปลี่ยนหัวใหม่ เนื่องจากพิมพ์งานอย่างต่อเนื่อง ได้พักเครื่องน้อยมาก ซึ่งตอนนั้น ผมก็พิมพ์งาน ยกไวนิล ขึ้น ลง เอง ถึงขั้น ยกที่นอนมานอนเฝ้าหน้าเครื่องกันเลยทีเดียว
จนท้ายที่สุดเมื่อรู้ว่าเครื่องไม่ไหวแล้ว จึงสรรหาเครื่องใหม่เพิ่มทันที คราวนี้เลือกหัวพิมพ์ Seiko Outdoor เนื่องจากไม่ต้องการความละเอียด แต่ต้องการความทน และพิมพ์งานได้ไว จึงได้เครื่องที่ 2 มาอย่างตั้งใจ
ต่อด้วยเครื่องไดคัทสติ๊กเกอร์เนื่องจากงานผลิตฉลากสินค้าโอทอปเข้ามาอย่างมากมายจนส่งผลิตไม่ทัน จึงต้องซื้อเครื่องมาผลิตเอง
ทีมงานเพิ่มขึ้น
เข้าสู่ปีที่ 2 ของ ณัฐดีไซน์ งานเพิ่มขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ จึงต้องรับคนงานเพิ่มขึ้นเพื่อให้ผลิตงานได้ทันตามเวลาที่มีจำกัดของลูกค้า
ณัฐดีไซน์ แอนด์ มีเดีย ปี 2559
วันเวลาผ่านไป ไวอย่างไม่น่าเชื่อ จากร้านเล็กๆ ทำคนเดียว ก้าวทีละขั้น รับคนมาทำงานเพราะ “ให้โอกาส” เขาได้ทำงาน และเปิดโอกาสให้เราได้รับงานเพิ่มขึ้นอย่างไม่ต้องกังวลใจเรื่องงานไม่ทัน
โชคดีที่ทีมงานผู้บุกเบิกทุกคนมีน้ำใจ ใจรักงานบริการ ทำงานได้ทุกสภาวะโดยไม่มีข้อจำกัด วัดขนาด ออกแบบ ผลิต ติดตั้ง พร้อมทำงานอย่างทุ่มเททั้งกาย ใจ แม้กระทั่งทำงานวันละ 26 ชั่วโมง ขับรถขึ้นดอยไปวัดขนาดป้ายในเวลา ตีหนึ่ง ปีนติดตั้งป้ายตอนเวลาตีห้า เชื่อมเหล็กตั้งแต่เช้า จนถึง รุ่งสางของอีกวัน ขับรถจาก ตากไปกรุงเทพ เพื่อไปรับของด่วน ก็ทำมาแล้วทั้งนั้น
ทั้งหมดนี้คือความเป็น “ณัฐดีไซน์ แอนด์ มีเดีย” ที่สู้และฝ่าฟันปัญหา อุปสรรค มากมาย เพื่อลูกค้า มาแล้วมากมายอย่างนับไม่ถ้วน
ห้างหุ้นส่วนจำกัด ณัฐดีไซน์ แอนด์ มีเดีย
ณ จุดๆ นี้ เพื่ออนาคตและการขยายขอบเขตของงาน เราจึงจำเป็นต้องจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล เพื่อวางแผนเข้าสู่งานที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม….
เรื่องย่อ…ณัฐดีไซน์ แอนด์ มีเดีย
– พนักงานบริษัท
– ฟรีแลนซ์
– ทำงานในห้อง 4×3 เมตร
โต๊ะคอมคือ กล่องลังกระดาษ
– เปิดร้าน 1 ห้อง (ทำงานคนเดียว)
– มีพนักงานเพิ่มทีละ 1 คน เข้า-ออก วนเวียน จนกลายเป็น 13 คน ณ ปัจจุบัน
วิสัยทัศน์งานออกแบบ
ในคำๆ เดียว “ออกแบบ” ใครๆ ก็พูดกันจนชินหู คนในวงการก็คงได้ยินคำนี้วันละไม่ต่ำกว่า 10 รอบ ปีนึงก็ได้ยินมากกว่า 3650 ครั้ง แล้วตั้งแต่เริ่มทำงานมาหละกี่ปีแล้ว…คำนวณกันเอาเองนะครับ…แต่ความหมายมันหละ…คำว่า ออกแบบ (Design) คือ อะไร ซึ่งก็มีหลายๆ คำนิยาม ผมจะขอยกตัวอย่างที่เน้นๆ ว่าครอบคลุมที่สุดละกันครับ ดังนี้…
การออกแบบ หมายถึง การรู้จักวางแผนจัดตั้งขั้นตอน และรู้จักเลือกใช้วัสดุวิธีการเพื่อทำตามที่ต้องการนั้น โดยให้สอดคล้องกับลักษณะรูปแบบ และคุณสมบัติของวัสดุแต่ละชนิด ตามความคิดสร้างสรรค์ และการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ขึ้นมา เช่น การจะทำป้ายโฆษณาสักชิ้น เราจะต้องวางแผนไว้เป็นขั้นตอน โดยต้องเริ่มต้นจากการ คิดข้อความ ใส่รูปภาพอะไร วางแบบไหนถึงจะสวยงาม เป็นต้น
การออกแบบ หมายถึง การปรับปรุงแบบ ผลงานหรือสิ่งต่างๆ ที่มีอยู่แล้วให้เหมาะสม แ เช่น แก้ไขการวางเลย์เอ้าท์ ใหม่ของแบบงานนั้นๆ ให้มีความน่าสนใจ ดึงดูดสายตาผู้ชมให้มากขึ้น
การออกแบบ หมายถึง การรวบรวมหรือการจัดองค์ประกอบทั้งที่เป็น 2 มิติ และ 3 มิติ เข้าด้วยกันอย่างมีหลักเกณฑ์ การนำองค์ประกอบของการออกแบบมาจัดรวมกันนั้น ผู้ออกแบบจะต้องคำนึงถึงประโยชน์ในการใช้สอยและความสวยงาม อันเป็นคุณลักษณะสำคัญของการออกแบบ เป็นศิลปะของมนุษย์เนื่องจากเป็นการสร้างค่านิยมทางความงาม และสนองคุณประโยชน์ทางกายภาพให้แก่มนุษย์ด้วย
การออกแบบ หมายถึง กระบวนการที่สนองความต้องการในสิ่งใหม่ๆของมนุษย์ ซึ่งส่วนใหญ่เพื่อการดำรงชีวิตให้อยู่รอด และสร้างความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น