


หลักการทำงานของโปรแกรม eCut – Edge roll
โปรแกรม eCut – Edge roll การทำเส้นพับขอบตัวอักษรใหญ่ๆ การคลี่แบบพับขอบตัวอักษร เป็นเครื่องมือสำหรับการออกแบบและคำนวณการพับขอบแผ่นโลหะ (Sheet Metal Edge Rolling/Bending) ในงาน CAD/CAM โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างแผนการพับขอบให้กับชิ้นงานโลหะแผ่น โปรแกรมนี้มีหลักการทำงานหลักดังนี้
ภาพรวมการทำงาน การทำเส้นพับขอบตัวอักษรใหญ่ๆ การคลี่แบบพับขอบตัวอักษร
โปรแกรมจะวิเคราะห์เส้นขอบ (Edge) ของชิ้นงาน 2D ที่ผู้ใช้วาดไว้ และสร้างรูปแบบการพับขอบตามพารามิเตอร์ที่กำหนด จากนั้นจะแสดงผลเป็นทั้ง มุมมอง 3D (แสดงรูปร่างหลังพับ) และ มุมมองแบบคลี่ออก (Unfolding) เพื่อใช้ในการตัดและผลิตจริง โปรแกรมมี 3 วิธีการหลัก (Methods) ที่แตกต่างกันในการจัดการกับขอบ
Method 1: Smooth Edge (ขอบโค้งมน)
วิธีนี้ใช้สำหรับสร้างขอบที่มีความโค้งมนและต่อเนื่อง เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความสวยงามและไม่มีขอบคม
พารามิเตอร์สำคัญ
| พารามิเตอร์ | ค่าที่ตั้ง | คำอธิบาย |
|---|---|---|
| Depth | 200.00 mm | ความลึกของการพับขอบ คือระยะที่ขอบจะถูกพับลงไป |
| Material width | 3.00 mm | ความหนาของวัสดุโลหะแผ่น |
| Outside bending radius | 3.00 mm | รัศมีโค้งด้านนอกของขอบที่พับ |
| Inside bending radius | 3.00 mm | รัศมีโค้งด้านในของขอบที่พับ |
| Edge max length | 2400.00 mm | ความยาวสูงสุดของขอบแต่ละส่วนก่อนจะแบ่งออกเป็นหลายส่วน |
| Material bend compensation | 0.50 | ค่าชดเชยการยืดตัวของวัสดุเมื่อพับ (K-factor) |
การทำงาน
โปรแกรมจะสร้างขอบที่มีรัศมีโค้งทั้งด้านในและด้านนอก โดยคำนึงถึงความหนาของวัสดุ และคำนวณความยาวที่ต้องตัดให้ถูกต้องตามค่า Material bend compensation เพื่อให้เมื่อพับแล้วได้ขนาดตามที่ต้องการ
ตัวเลือกเพิ่มเติม:
- Automatically create face: สร้างหน้าตัด (Face) ให้อัตโนมัติ
- Use tools diameters: ใช้ขนาดเครื่องมือตัด/กัด (Cutting/Milling tool diameter = 3.175 mm)
- Min. angle to process: มุมต่ำสุดที่จะประมวลผล (30 องศา)
Method 2: Sharp Edge (ขอบคม)
วิธีนี้ใช้สำหรับสร้างขอบที่มีมุมคมชัด เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแม่นยำและมีมุมที่ชัดเจน
พารามิเตอร์สำคัญ
| พารามิเตอร์ | ค่าที่ตั้ง | คำอธิบาย |
|---|---|---|
| Depth | 90.00 mm | ความลึกของการพับขอบ |
| Material width | 4.00 mm | ความหนาของวัสดุโลหะแผ่น |
| Corner type | Type 2 | รูปแบบของมุม (มีหลายแบบให้เลือก) |
| Extend nodes | No | การขยายจุดต่อออกไปหรือไม่ |
| Material bend compensation | 0.50 | ค่าชดเชยการยืดตัวของวัสดุเมื่อพับ |
การทำงาน
โปรแกรมจะสร้างขอบที่มีมุมคมตามรูปแบบ Corner type ที่เลือก โดยไม่มีการโค้งมนที่ขอบ วิธีนี้เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแข็งแรงและรูปทรงที่ชัดเจน เช่น กล่องโลหะ หรือโครงสร้างที่ต้องการมุมฉาก
Method 3: Without Material Thickness (ไม่คำนึงถึงความหนาวัสดุ)
วิธีนี้ใช้สำหรับการสร้างขอบแบบพิเศษที่ไม่ต้องการคำนวณความหนาของวัสดุ หรือใช้ในกรณีที่ต้องการควบคุมรูปร่างอย่างอิสระ
พารามิเตอร์สำคัญ
| พารามิเตอร์ | ค่าที่ตั้ง | คำอธิบาย |
|---|---|---|
| Depth | 200.00 mm | ความลึกของการพับขอบ |
| Overlap | 0.00 mm | ระยะทับซ้อนของขอบ |
| Milling at the ends | ไม่เลือก | การกัดที่ปลายขอบหรือไม่ |
| Flange Direction | No flange | ทิศทางของหูพับ (Flange) |
| Edge max length | 2400.00 mm | ความยาวสูงสุดของขอบแต่ละส่วน |
การทำงาน – Break Curve by Control Points
ฟีเจอร์พิเศษของวิธีนี้คือ Break curve by control points ซึ่งจะแบ่งเส้นโค้งยาวออกเป็นหลายส่วนตามจุดควบคุม (Control Points) โดยอัตโนมัติ เมื่อความยาวของขอบเกินค่า Edge max length ที่กำหนด
ฟีเจอร์ร่วมทั้ง 3 วิธี
Options (ตัวเลือกทั่วไป)
| ตัวเลือก | ค่า | คำอธิบาย |
|---|---|---|
| Distance between rows | 0.00 mm | ระยะห่างระหว่างแถวของชิ้นงาน (สำหรับการผลิตหลายชิ้น) |
| Min. angle to process | 30.00° | มุมต่ำสุดที่โปรแกรมจะประมวลผล หากมุมน้อยกว่านี้จะถูกข้าม |
| Units | mm | หน่วยที่ใช้ในการคำนวณ |
การแสดงผล
จากภาพหน้าจอแรก จะเห็นว่าโปรแกรมแสดงผลเป็น 3 มุมมอง:
- มุมมอง 3D (บนสุด): แสดงรูปร่างชิ้นงานหลังพับขอบ พร้อมจุดควบคุม (จุดสีเหลือง) ที่สามารถปรับแต่งได้
- มุมมองด้านข้าง (กลาง): แสดงหน้าตัดของการพับขอบ เห็นเส้นสีแดงที่แสดงตำแหน่งการพับ
- มุมมองคลี่ออก (ล่าง): แสดงรูปแบบที่ใช้ในการตัดวัสดุจริง ก่อนนำไปพับ
สรุป
โปรแกรม eCut – Edge roll เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้วิศวกรและช่างออกแบบการพับขอบโลหะแผ่นได้อย่างแม่นยำ โดยคำนวณค่าชดเชยการยืดตัวของวัสดุ รัศมีโค้ง และความยาวที่ต้องตัดให้ถูกต้อง ทำให้ชิ้นงานที่ผลิตออกมามีขนาดและรูปร่างตามที่ออกแบบไว้อย่างแม่นยำ โปรแกรมรองรับทั้งการพับแบบโค้งมน แบบมุมคม และแบบพิเศษที่ไม่คำนึงถึงความหนาวัสดุ ครอบคลุมความต้องการในงานผลิตชิ้นส่วนโลหะแผ่นได้หลากหลาย
การเปรียบเทียบข้อดีและข้อเสียของ Method 1, 2 และ 3
Method 1: Smooth Edge (ขอบโค้งมน)
ข้อดี
ด้านความสวยงามและการใช้งาน
- สร้างขอบที่มีความโค้งมนและต่อเนื่อง ให้ความรู้สึกที่นุ่มนวลและสวยงาม เหมาะสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ต้องการความสวยงามและความปลอดภัย
- ไม่มีขอบคมที่อาจทำให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้งาน เหมาะกับผลิตภัณฑ์ที่มีการสัมผัสบ่อย เช่น เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า หรืออุปกรณ์ตกแต่ง
- กระจายแรงกดทับได้ดีกว่าขอบคม ลดโอกาสการเกิดรอยบุบหรือความเสียหายจากแรงกระแทก
ด้านโครงสร้างและความทนทาน
- การกระจายความเค้นที่ดีกว่า เนื่องจากรัศมีโค้งช่วยลดจุดรวมความเค้น (Stress Concentration) ทำให้ชิ้นงานมีความแข็งแรงและทนทานต่อแรงดึงและแรงบิดได้ดีกว่า
- ลดโอกาสการเกิดรอยร้าวที่มุมพับ เพราะไม่มีจุดที่มีความเค้นสูงมากเกินไป
ด้านการผลิต
- เหมาะสำหรับวัสดุที่มีความยืดหยุ่นสูง เช่น อะลูมิเนียม สแตนเลส หรือโลหะบางที่ต้องการรูปทรงโค้งมน
ข้อเสีย
ด้านการผลิตและต้นทุน
- ต้องใช้เครื่องมือพับที่มีความแม่นยำสูง และสามารถสร้างรัศมีโค้งได้ตามที่กำหนด ซึ่งอาจมีราคาแพงกว่าเครื่องมือพับแบบธรรมดา
- กระบวนการผลิตซับซ้อนกว่า ต้องคำนวณค่าชดเชยการยืดตัวของวัสดุ (Material Bend Compensation) อย่างแม่นยำ มิเช่นนั้นขนาดชิ้นงานอาจคลาดเคลื่อน
- ใช้เวลาในการผลิตนานกว่า เนื่องจากต้องควบคุมการพับให้ได้รัศมีโค้งที่สม่ำเสมอ
ด้านการออกแบบ
- ไม่เหมาะกับงานที่ต้องการมุมฉากหรือมุมคมชัด เช่น กล่องที่ต้องการความแม่นยำในการประกอบ
- ใช้พื้นที่ในการพับมากกว่า เนื่องจากต้องมีพื้นที่สำหรับรัศมีโค้งทั้งด้านในและด้านนอก
ด้านการประกอบและการใช้งาน
- การเชื่อมต่อหรือประกอบกับชิ้นส่วนอื่นอาจยากกว่า เพราะไม่มีพื้นผิวเรียบที่ชัดเจนสำหรับการยึดติด
Method 2: Sharp Edge (ขอบคม)
ข้อดี
ด้านความแม่นยำและการประกอบ
- สร้างมุมที่คมชัดและแม่นยำ เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น กล่องอิเล็กทรอนิกส์ ตู้โลหะ หรือโครงสร้างที่ต้องการมุมฉาก
- ง่ายต่อการประกอบและเชื่อมต่อกับชิ้นส่วนอื่น เพราะมีพื้นผิวเรียบและมุมที่ชัดเจน
- ประหยัดพื้นที่ในการพับ ทำให้สามารถออกแบบชิ้นงานที่กะทัดรัดได้มากกว่า
ด้านการผลิตและต้นทุน
- กระบวนการผลิตง่ายและรวดเร็วกว่า ใช้เครื่องมือพับแบบมาตรฐานได้ ไม่ต้องการเครื่องมือพิเศษ
- ต้นทุนการผลิตต่ำกว่า เพราะใช้เครื่องมือและเวลาในการผลิตน้อยกว่า
- เหมาะสำหรับการผลิตจำนวนมาก เพราะกระบวนการซ้ำได้ง่ายและรวดเร็ว
ด้านการออกแบบ
- มีตัวเลือกรูปแบบมุม (Corner Type) ให้เลือกหลากหลาย ทำให้สามารถปรับแต่งตามความต้องการได้
- เหมาะกับการออกแบบโครงสร้างที่ต้องการความแข็งแกร่งในแนวตั้ง เช่น เสาหรือโครงโลหะ
ข้อเสีย
ด้านความปลอดภัยและการใช้งาน
- มีขอบคมที่อาจเป็นอันตรายต่อผู้ใช้งาน ต้องระวังในการจับหรือสัมผัส
- ไม่เหมาะกับผลิตภัณฑ์ที่ต้องการความปลอดภัยสูง เช่น เครื่องใช้ในครัวเรือน หรืออุปกรณ์สำหรับเด็ก
ด้านโครงสร้างและความทนทาน
- มีจุดรวมความเค้นสูงที่มุมพับ ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดรอยร้าวหรือความเสียหายเมื่อได้รับแรงกระแทกหรือแรงดึงซ้ำๆ
- ความทนทานต่อแรงบิดและแรงกระแทกต่ำกว่าขอบโค้งมน โดยเฉพาะในวัสดุที่เปราะหรือบาง
ด้านวัสดุ
- ไม่เหมาะกับวัสดุบางมากหรือวัสดุที่เปราะ เพราะอาจเกิดรอยร้าวที่มุมพับได้ง่าย
- วัสดุบางส่วนอาจต้องการการอบอ่อน (Annealing) ก่อนพับเพื่อป้องกันการแตกหัก
Method 3: Without Material Thickness (ไม่คำนึงถึงความหนาวัสดุ)
ข้อดี
ด้านความยืดหยุ่นในการออกแบบ
- ให้ความยืดหยุ่นสูงสุดในการออกแบบ สามารถสร้างรูปทรงที่ซับซ้อนและไม่ต้องผูกติดกับข้อจำกัดของความหนาวัสดุ
- เหมาะสำหรับงานศิลปะ งานตกแต่ง หรืองานต้นแบบที่ต้องการทดลองรูปแบบต่างๆ โดยไม่ต้องคำนึงถึงการผลิตจริง
ด้านการประมวลผลและการควบคุม
- มีฟีเจอร์ Break Curve by Control Points ที่สามารถแบ่งเส้นโค้งยาวออกเป็นหลายส่วนอัตโนมัติ ช่วยในการจัดการกับชิ้นงานขนาดใหญ่หรือมีรูปทรงซับซ้อน
- สามารถควบคุมการสร้าง Flange (หูพับ) ได้อย่างอิสระ รวมถึงการตั้งค่า Overlap และ Milling at the ends
ด้านการทดลองและพัฒนา
- เหมาะสำหรับการสร้างต้นแบบ (Prototype) หรือการทดสอบแนวคิดการออกแบบก่อนนำไปผลิตจริง
- ช่วยให้นักออกแบบสามารถทดลองรูปแบบต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องกังวลเรื่องพารามิเตอร์การผลิต
ข้อเสีย
ด้านความแม่นยำและการผลิตจริง
- ไม่เหมาะสำหรับการผลิตจริง เพราะไม่คำนึงถึงความหนาของวัสดุ ทำให้ขนาดและรูปร่างของชิ้นงานจริงอาจแตกต่างจากที่ออกแบบไว้
- ไม่มีการคำนวณค่าชดเชยการยืดตัวของวัสดุ ทำให้ความยาวที่ตัดอาจไม่ถูกต้อง และเมื่อพับแล้วอาจได้ขนาดที่ผิดเพี้ยน
ด้านความแข็งแรงและโครงสร้าง
- ไม่สามารถประเมินความแข็งแรงของชิ้นงานได้อย่างแม่นยำ เพราะไม่ได้คำนึงถึงคุณสมบัติของวัสดุจริง
- อาจสร้างรูปแบบที่ไม่สามารถผลิตได้จริง หรือผลิตได้แต่ไม่มีความแข็งแรงเพียงพอ
ด้านการใช้งานจริง
- ต้องมีความรู้และประสบการณ์สูงในการนำไปปรับใช้กับการผลิตจริง เพราะต้องคำนวณและปรับแก้พารามิเตอร์เพิ่มเติมด้วยตนเอง
- ไม่เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นหรือผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่พร้อมใช้งานทันที
ตารางสรุปการเปรียบเทียบ
| หัวข้อ | Method 1: Smooth Edge | Method 2: Sharp Edge | Method 3: Without Material Thickness |
|---|---|---|---|
| ความสวยงาม | ⭐⭐⭐⭐⭐ สวยงาม นุ่มนวล | ⭐⭐⭐ เรียบง่าย คมชัด | ⭐⭐⭐⭐ ยืดหยุ่น สร้างสรรค์ |
| ความปลอดภัย | ⭐⭐⭐⭐⭐ ปลอดภัย ไม่มีขอบคม | ⭐⭐ มีขอบคมอันตราย | ⭐⭐⭐ ขึ้นกับการออกแบบ |
| ความแข็งแรง | ⭐⭐⭐⭐⭐ กระจายความเค้นดี | ⭐⭐⭐ มีจุดรวมความเค้น | ⭐⭐ ไม่สามารถประเมินได้แม่นยำ |
| ความแม่นยำ | ⭐⭐⭐⭐ แม่นยำ ต้องคำนวณดี | ⭐⭐⭐⭐⭐ แม่นยำสูง ง่ายต่อการควบคุม | ⭐⭐ ไม่แม่นยำสำหรับการผลิตจริง |
| ความง่ายในการผลิต | ⭐⭐ ซับซ้อน ต้องการเครื่องมือพิเศษ | ⭐⭐⭐⭐⭐ ง่าย รวดเร็ว | ⭐⭐⭐ เหมาะสำหรับต้นแบบ |
| ต้นทุนการผลิต | ⭐⭐ สูง | ⭐⭐⭐⭐⭐ ต่ำ | ⭐⭐⭐ ปานกลาง (สำหรับต้นแบบ) |
| การประกอบ | ⭐⭐⭐ ยากกว่า | ⭐⭐⭐⭐⭐ ง่าย มีพื้นผิวชัดเจน | ⭐⭐ ต้องปรับแก้เพิ่มเติม |
| ความยืดหยุ่นในการออกแบบ | ⭐⭐⭐ จำกัดด้วยรัศมีโค้ง | ⭐⭐⭐⭐ มีตัวเลือกมุมหลากหลาย | ⭐⭐⭐⭐⭐ ยืดหยุ่นสูงสุด |
| เหมาะสำหรับ | ผลิตภัณฑ์สวยงาม ปลอดภัย | โครงสร้าง กล่อง ตู้โลหะ | ต้นแบบ งานศิลปะ การทดลอง |
คำแนะนำในการเลือกใช้
เลือก Method 1 (Smooth Edge) เมื่อ:
- ต้องการความสวยงามและความปลอดภัยสูง
- ผลิตภัณฑ์มีการสัมผัสบ่อยหรือใช้งานในครัวเรือน
- ต้องการความทนทานและการกระจายความเค้นที่ดี
- งบประมาณและเวลาในการผลิตเพียงพอ
เลือก Method 2 (Sharp Edge) เมื่อ:
- ต้องการความแม่นยำและมุมที่คมชัด
- ผลิตโครงสร้าง กล่อง หรือตู้โลหะที่ต้องประกอบกับชิ้นส่วนอื่น
- ต้องการประหยัดต้นทุนและเวลาในการผลิต
- ผลิตจำนวนมากและต้องการความรวดเร็ว
เลือก Method 3 (Without Material Thickness) เมื่อ:
- สร้างต้นแบบหรือทดสอบแนวคิดการออกแบบ
- ทำงานศิลปะหรืองานตกแต่งที่ไม่ต้องการความแม่นยำสูง
- ต้องการความยืดหยุ่นสูงสุดในการออกแบบรูปทรง
- มีความรู้และประสบการณ์ในการปรับแก้พารามิเตอร์สำหรับการผลิตจริง








